บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ทำไม..เสียงเพลงจึงมีอิทธิพลต่อต้นไม้...

 

ทำไม..เสียงเพลงจึงมีอิทธิพลต่อต้นไม้...

ปัจจุบันนี้...  ความรู้ที่ว่า การเปิดเพลงให้ต้นไม้ฟัง จะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตดีนั้น เป็นเรื่องความรู้โดยทั่วไปแล้ว คือ ไม่มีใครมาสงสัยแล้วว่า "เป็นจริงหรือไม่"  

ผมขอยกตัวอย่างผลงานของหนังสือ "The Sound of Music and Plant ( เสียงดนตรีและพืช)" ของ โดโรธี   รีแทลเแลค เพื่อเป็นตัวอย่างก่อนที่จะเสนอประเด็นต่อไป ดังนี้

*-------*
ในปี พ.ศ.  2516  โดโรธี   รีแทลเแลค ได้พิมพ์หนังสือชื่อ  The Sound of Music and Plant ( เสียงดนตรีและพืช) โดยเล่ารายละเอียดในการทดลองของเธอซึ่งทำที่วิทยาลัย  Woman’s College  ในเดนเวอร์ให้ฟังว่า   

เธอได้นำพืชไปไว้ในห้องทำการทดลอง   โดยวางพืชแยกไว้ในห้องต่างๆ กัน ซึ่งทุกห้องมีลำโพงสำหรับให้เธอปล่อยเสียงเข้าไปได้   ต้นไม้ในแต่ละห้องจะได้เสียงเพลงต่างกัน  

เธอเฝ้าดูการทดลองและจดบันทึกความเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน   โดโรธีได้พบผลการทดลองอันน่าทึ่งดังนี้ 

การทดลองที่หนึ่ง........
เธอเปิดเพลงที่มีจังหวะคงที่ให้ต้นไม้ในห้องทดลองทั้งสามฟัง   ห้องแรกเธอเปิดเพลงให้ฟังติดต่อกัน  8  ชั่วโมง   ห้องที่สองเปิดให้ฟัง  3  ชั่วโมง   ห้องที่สามไม่เปิดเสียงใดๆเลย 

ผลการทดลองปรากฏว่า.......   ต้นไม้ทุกต้นที่อยู่กับเพลงนานติดต่อกัน 8 ชั่วโมง โทรมและตายภายใน  14  วัน   

ส่วนต้นไม้ทุกต้นที่อยู่กับเพลงเพียงวันละ  3  ชั่วโมง   เจริญเติบโตสมบูรณ์ดี   ยิ่งกว่าต้นไม้ที่ไม่ได้รับเสียงอะไรเลย   

จากการทดลองของคุณโดโรธีทำให้ทราบว่า....  เสียงมีอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะคนหรือพืช หรือแม้แต่สัตว์
*-------*

จากผลการทดลองดังกล่าว......

มีปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วนักวิจัยไม่ยอมเอ่ยถึงคือ "ทำไม จึงเป็นเช่นนั้น"   

กล่าวคือ นักวิทยาศาสตร์ "รู้" ว่า ดนตรีมีอิทธิพลต่อต้นไม้  แต่ไม่รู้ "ทำไม" จึงเป็นเช่นนั้น  

ตามสำนวนของไอน์สไตน์ก็คือ ใครๆ ก็ "รู้" ได้ สำคัญที่ว่า "เข้าใจ" หรือเปล่า 

ในทางวิชาธรรมกายมีคำอธิบายดังนี้........

ในทุกๆ อะตอมจะมี "เห็น จำ คิด รู้" ประกอบอยู่ด้วย  เช่นเดียวกับ อิเล็กตรอน โปรตอน นิวตรอน  
การที่มีเห็น จำ คิด รู้อยู่ด้วย  ต้นไม้จึงรับอิทธิพลจากเสียงดนตรีได้ เช่นเดียวกับมนุษย์  แต่เมื่อมี เห็น จำ คิด รู้น้อยกว่า ก็จึงรับได้น้อยกว่า 

หิน ดิน น้ำ ของธรรมชาติทุกประการที่ประกอบด้วยอะตอม ก็จะมีเห็น จำ คิด รู้อยู่ด้วยกันทั้งหมด จะมากหรือน้อยต่างกันเท่านั้น

เท่าที่มีความรู้มา ของที่ไหลได้ เช่น น้ำ จะมี เห็น จำ คิด รู้มากกว่า หิน

ตรงนี้ ขอให้เปรียบเทียบองค์ความรู้ของวิชาธรรมกายกับสายปฏิบัติธรรมอื่น รวมถึง นักปริยัติ นักวิชาการทั้งหลายด้วย 

ถามว่า... เปรียบเทียบไปทำไม?

มีนักปรัชญามองว่า.... สายปฏิบัติธรรมต่างๆ นั้น เหมือน "เครื่องมือ" ทำให้บรรลุมรรคผลนิพพาน  
ผมฟังใหม่ๆ ผมก็ว่า "มันแปลกๆ"  แต่จะว่าไป มันก็แนวคิดที่ดีเหมือนกัน สามารถอธิบาอะไรบ้างอย่างได้

เมื่อมองว่า "สายปฏิบัติธรรมเป็นเครื่องมือในการทำให้บรรลุมรรคผลนิพพาน" เราก็มาดูกันว่า "สายปฏิบัติธรรมใดมีระสิทธิภาพสูง

จะเห็นว่า....

วิชาธรรมกายมีอำนาจในการอธิบายสูงมาก.... ยกตัวอย่างเช่น...

[1]..  ผีเข้า ทางเจ้าเข้าผี ผีอำ เราก็รู้ว่า "ผี" มันอย่างไร เราจะป้องกันอย่างไร
[2]..  มีคนเห็นว่า "ใครไม่มีหัว" หรือ "หัวไม่มี"  เราก็รู้ และช่วยได้ ช่วยมาได้หลายคนแล้ว
[3]..  สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือจักรพรรดินั้น ศักดิ์สิทธิ์อย่างไร ทำไม จึงศักดิ์สิทธิ์ เราก็อธิบายได้
[4]..  คนเป็นโรคภัยไข้เจ็บ ในทางกายนั้น แพทย์แผนปัจจุบันอธิบายได้ แต่ในทาง "ใจ" แพทย์แผนปัจจุบันอธิบายไม่ได้ แต่วิชาธรรมกายอธิบายได้

อยากจะเรียนวิชาธรรมกาย ตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงระดับสูง ก็ขอให้มาเรียนวิชาธรรมกายกับเรา

ท่านจะได้รับความรู้ที่ละเอียด ลึกซึ้ง ที่ไม่มีใครอธิบายได้ดีอย่างนี้อีกแล้ว.....

ตรงนี้ ขอย้ำว่า..... ที่ยังมีชีวิตกันอยู่.... ที่ตายไปแล้ว หรือมรณภาพไปแล้ว ไม่ได้นับด้วย

-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/

ต้นไม้เต้นระบำได้



ผมไปอ่านพบข่าวต้นไม้เต้นระบำได้ ก็เลยตามไปหาความรู้ดู  ปรากฏว่า เป็นจริงเสียด้วย  ขอให้ดูวิดิโอด้านบนให้จบด้วย  เวลาไม่นานประมาณ 1 นาที 27 วินาที

วิดิโอที่นำมาให้ดูด้านบนนั้น เป็นของ Odd Science ต้นไม้นั้นชื่อ The Telegraph Plant

คนที่สนใจมากๆ ก็ลองใช้คำ The Telegraph Plant จะเห็นว่า มีคนลองเล่นกับต้นไม้ชนิดนี้ และเคลื่อนไหวได้เมื่อได้ยินเสียงเพลงจริง

จะว่าไป ผมก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน แปลกใจและน่าสนใจดี ก่อนหน้านี้รู้จักแต่ “ต้นดิกเดียม” ที่จังหวะน่าน 

ต้นดิกเดียม” นี่ เหมือนคนขี้จั๊กกะจี้  ใครไปลูบๆ คลำๆ มันก็จะสะดีดสะดิ้งได้

อย่างไรก็ดี  อ่านไปอ่านมา ผมก็พบว่า ประเทศไทยก็มีต้นไม้เต้นระบำได้  ข้อมูลได้มาจากหน้าเว็บ “สาวน้อยเริงระบำ”  ของเว็บไทยโพสต์

สาวน้อยเริงระบำเป็นสมุนไพรกลุ่มว่านประเภทหนึ่ง สาวน้อยหรือช้อยนางรำเริงระบำ แม้จะจัดว่าเป็นว่าน แต่กลับไม่ใช่พืชลงหัวอย่างว่านทั้งหลาย เป็นพืชในตระกูลเดียวกันกับถั่ว คือวงศ์ LEGUMINOSAE

ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Codariocalyx motorius Ohashi ชื่อเรียกอื่นๆ ได้แก่ ค่อยช้างรำ ช้อยช่างรำ นางรำ ว่านมีดพับ เคยแมะคว้า แพงแดง Telegraph plant

เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก สูงประมาณ 90 เซนติเมตร ส่วนผิวของลำต้นนั้นจะเป็นสีไม้แห้ง ใบ มีลักษณะแยกเป็นใบย่อย 3 ใบ รูปไข่หรือรูปไข่แกมใบหอก ปลายใบมน ด้านบนมัน ด้านล่างมีขนละเอียด มีสีเขียว ยาวประมาณ 2-7 เซนติเมตร กว้าง 1-3 เซนติเมตร

บริเวณที่กระดิกได้ คือ ตรงโคนใบ ดอก จะเป็นดอกเล็กๆ คล้ายดอกถั่วแปบ แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก มีสีม่วงปนขาว (คล้ายสีของดอกผักตบ) ฝักมีลักษณะแบนๆ

ความมหัศจรรย์ของสมุนไพรชนิดนี้อยู่ที่ เมื่อได้ยินเสียงดนตรี เสียงปรบมือ จะเกิดการเคลื่อนไหวไปตามจังหวะ ซึ่งต่างจากต้นไม้ที่โดนลมพัด

ซึ่งสันนิษฐานว่า คงเป็นเพราะต้นไม้นี้ มีปุ่มที่สามารถรับคลื่นเสียง และคลื่นเสียงคงไปกระทบต่อสารภายในต้นไม้ แล้วส่งผลให้หูใบกระดิกหรือเคลื่อนไหวได้ ในลักษณะเหมือนนางรำละคร จึงเป็นที่มาของชื่อ “สาวน้อยเริงระบำ”

ข้อมูลจากเว็บไทยโพสต์นี่ สันนิษฐานว่า ต้นช้อยนางรำมีปุ่มรับคลื่นเสียง คลื่นเสียงทำให้หูใบกระดิกได้ 

คำสันนิษฐานนี้ เข้าท่าดีเหมือนกัน คือ ไปสันนิษฐานให้คล้ายกับการทำงานของคน แต่มันไม่หลักวิชาการรองรับเลย  คือ เป็นการเดาเอาดื้อๆ

แต่ก็ถือว่า คนที่กล้าเดาอย่างนี้ มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี เพราะ หลายๆ คน รับรู้เฉยๆ เท่านั้น ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยเสียด้วย

มีคนนำเรื่องดังกล่าวไปตั้งกระทู้เพื่อขอความคิดเห็นจากคนอื่นๆ กระทู้ชื่อ “ผมนี้งงเลย...ต้นไม้เต้นระบำได้

จากกระทู้ดังกล่าวได้ความคิดเห็นที่น่าสนใจ ดังนี้

ความคิดเห็นที่ 6

ผมคิดว่า เป็นกลไกการหุบใบเหมือนต้นไมยราพ ซึ่งเกิดจากการกระตุ้นแบบทั่วๆ ไปครับ คือไม่ว่าจะถูกกระตุ้นจากสิ่งใด (แมลง มือคน แรงสั่นสะเทือน เสียง)

มันก็จะทำให้ motor cell ของมันถูกกระตุ้น และเกิดปฏิกิริยาเคมีขึ้นภายในโคนใบ

ทำให้แรงดันน้ำที่กระเปาะโคนใบเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ใบเต้นได้แบบนั้นครับ

ความคิดเห็นดังกล่าวนั้น มีคนมาแย้งในความคิดเห็นที่ 8 ดังนี้

ความคิดเห็นที่ 8

เรียนคุณผ้าติดตา ครับ

อันนี้ผมเองก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าต้นช้อยนางรำมันทำงานยังไงนะครับ เพราะว่า.. ต้นช้อยนางรำทำงานต่างจากไมยราพในแง่การรับการตอบสนองนะครับ

คือ จะบอกว่ามันไว (sensitive) ต่อการสั่นสะเทือนมากกว่าไมยราพก็ไม่ถูก เพราะต้นช้อยนางรำ เอามือแตะแล้วใบไม่ขยับ ไม่หุบ ไม่บิด ครับ!

เอาว่าสะเทือนแรงอย่างเขย่ากิ่ง ก้านใบมันก็จะไม่บิด ไม่กระดิก เลยครับ

ที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ การบิดใบไปมาได้นี้ น่าจะมีประโยชน์ในทางชีววิทยาสักอย่าง ต่อชีวิตในธรรมชาติของต้นไม้ต้นนี้

คือ ถึงแม้จะไม่มีเสียง ไม่มีลม แบบเอาครอบแก้วมาครอบต้นมันแล้วสังเกต

ใบมันก็ยังบิด สั่น เปลี่ยนทิศไปเรื่อยๆ อยู่ดี แต่เปลี่ยนช้ามากๆ ต้องนั่งจ้องมัน (ประมาณ 5-6 นาที จะเห็นมันขยับใบ)

พอมีเสียงปุ๊บ มันจะรีบบิดขยับใหญ่เลย เร็วจนเราสังเกตได้จะๆ แบบในคลิป


ความคิดเห็นที่ 9 นี่ถึงน่าสนใจ

ต้องแบบนี้สิ ถึงจะเป็นแท็ก [เรื่องลึกลับ] [วิทยาศาสตร์] ที่น่าสนใจ เพราะจนถึงตอนนี้ เราก็ยังไม่รู้เหตุผลอยู่ดีว่า มันขยับทำไม ขยับแล้วได้อะไร

ลักษณะนี้เกิดขึ้นและถูกเลือกในทางชีววิทยาได้อย่างไร

ที่ศรีลังกา ต้นไม้ต้นนี้ชื่ออย่างเท่เลย!  ต้น ปราณะชีวะ (ถอดเป็นคำไทยได้ ปราณชีพ ปราณชีวะ)
(แปลชื่อตรงๆ เลย เพราะมันขยับได้ นี่ล่ะ)

ที่ว่าน่าสนใจ เพราะ ผมคิดว่า ความรู้จากวิชาธรรมกายตอบได้ว่า “ทำไม ต้นช้อยนางรำถึงเต้นรำได้เมื่อได้ยินเสียงเพลง

ในทางวิทยาศาสตร์อะตอมยังเป็นสิ่งที่เล็กที่สุดอยู่ แต่ในอะตอมนั้น มีการศึกษาลึกลงไปอีกว่า ประกอบด้วยอะไรบ้าง 

เท่าที่รู้จักกันทั่วไปก็คือ “อนุภาค” ซึ่งจะมี “ปฏิอนุภาค”  “อนุภาค” กับ “ปฏิอนุภาค” ของอะตอมนี่ นักวิทยาศาสตร์เข้าสามารถแยกออกจากกันได้ 

สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ไม่เข้าใจเลยก็คือ “อนุภาค” กับ “ปฏิอนุภาค” มันติดต่อกันได้ด้วยความเร็วเท่าแสงหรือเร็วกว่าแสงเสียด้วยซ้ำ (อ่านรายละเอียดได้ในบทความ “เห็น จำ คิด รู้ –อนุภาคพื้นฐาน”)

ในทางวิชาธรรมกายนั้น  สิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดก็คือ “เห็น-จำ-คิด-รู้” ถ้าอยู่ในกายมนุษย์ก็คือ “ใจ-จิต-วิญญาณ”

เห็น-จำ-คิด-รู้” มีอยู่ในสสารทุกชนิด คือ ในสิ่งที่ไม่มีชีวิตด้วย สิ่งที่แข็งจะมีน้อย สิ่งที่ไหลได้จะมีมากกว่า  อิฐ หิน ดิน ทราย น้ำ ฯลฯ ก็มี “เห็น-จำ-คิด-รู้” เป็นองค์ประกอบด้วยทั้งนั้น

“ต้นช้อยนางรำ”   คงมี “เห็น-จำ-คิด-รู้”  มากกว่าต้นไม้อื่นๆ และคงชอบเต้นรำด้วย  เมื่อได้ยินเสียงเพลง มันถึงเต้นรำกันอย่างนั้น

สำหรับคำถามที่ว่า “มันขยับทำไม ขยับแล้วได้อะไร”  คำตอบที่ผมคิดเองก็คือ “ธรรมชาติของต้นช้อยนางรำเป็นเช่นนั้น






พระมัมมี่เข้าสมาธิลึก



บทความนี้ ต้องการวิเคราะห์ข่าวในจากหนังสือพิมพ์ Matichon Online จากข่าว “ผู้เชี่ยวชาญมหายานชี้ "พระมองโกเลีย" ร่างมัมมี่ อาจยังไม่มรณภาพ แต่กำลังเข้าสมาธิลึก

เนื้อหาข่าวก็เป็น ดังนี้

ร่างของพระสงฆ์ที่ถูกเก็บรักษาไว้ในสภาพมัมมี่ ด้วยท่านั่งขัดสมาธิเพชร ซึ่งถูกค้นพบทางตอนเหนือของประเทศมองโกเลีย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นซึ่งตกอยู่ความสนใจใคร่รู้ของผู้คนจำนวนมาก

กระบวนการชันสูตรร่างของพระสงฆ์รูปนี้ ที่ถูกห่อหุ้มด้วยหนังสัตว์ยังคงดำเนินไป

อย่างไรก็ตาม พระอาวุโสหลายรายต่างระบุว่า ภิกษุรูปนี้ยังไม่ได้มรณภาพ ทว่าท่านกำลังอยู่ในสภาวะของการทำสมาธิระดับลึก

นักวิทยาศาสตร์หลายคน ยังไม่แน่ใจว่า เหตุใด ร่างของพระภิกษุรายนี้จึงยังไม่เน่าเปื่อย โดยผู้เชี่ยวชาญบางส่วนสันนิษฐานว่า

อากาศหนาวเย็นของมองโกเลีย อาจเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ช่วยรักษาร่างกายของพระรูปดังกล่าวเอาไว้ จนมีสภาพสมบูรณ์

อย่างไรก็ดี ด็อกเตอร์แบร์รี่ เคอร์ซิน แพทย์ประจำตัวขององค์ดาไล ลามะ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะ ไซบีเรียน ไทม์ส ว่า พระรูปนี้อยู่ในสภาวะการเข้าสมาธิในระดับอันยากจะพบเจอ ซึ่งเรียกว่า "ทัคดัม"

"ถ้าผู้เข้าสมาธิสามารถเพ่งจิตอยู่ในการทำสมาธิขั้นนี้ได้ต่อไป เขาก็จะเข้าถึงสภาวะแห่งพุทธะ" ด็อกเตอร์เคอร์ซิน กล่าว

ร่างของพระภิกษุรูปนี้ ถูกค้นพบ หลังจากมีหัวขโมยรายหนึ่งนำร่างดังกล่าวไปขายในตลาดมืด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าจับกุมตีนแมวรายนั้น และนำร่างพระภิกษุไปเก็บรักษาที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าพระภิกษุรูปนี้เป็นใคร แม้จะมีบางข้อสันนิษฐานที่ระบุว่า ท่านอาจเป็นอาจารย์ของลามะดาชิ-ดอร์โซ อิทิกิลอฟ ซึ่งศพของลามะรูปดังกล่าวก็ถูกเก็บรักษาไว้ในสภาพมัมมี่เช่นกัน

เมื่อปี ค.ศ.1927 ลามะอิทิกิลอฟ ซึ่งขณะนั้น อาศัยอยู่ในเขตแดนที่เป็นประเทศสหภาพโซเวียต ได้แจ้งกับศิษยานุศิษย์ว่า

ท่านกำลังจะมรณภาพ และขอให้พวกเขาขุดร่างท่านขึ้นมาจากหลุมฝังศพ หลังเวลาผ่านพ้นไป 30 ปี

จากนั้น ลามะรูปดังกล่าวก็นั่งขัดสมาธิเพชร เพื่อเข้าสมาธิ ก่อนจะมรณภาพ อีก 3 ทศวรรษต่อมา

เมื่อมีผู้ขุดศพของท่านขึ้นมา พวกเขาก็พบว่าร่างกายของลามะยังอยู่ในสภาพไม่เน่าเปื่อย

แต่เนื่องจากหวาดกลัวการเข้ามาแทรกแซงของทางการโซเวียตลูกศิษย์ของลามะอิทิกิลอฟจึงฝังร่างของท่านเป็นครั้งที่สอง กระทั่งในปี ค.ศ.2002 จึงมีการขุดร่างของท่านขึ้นมาอีกครั้ง

ซึ่งคราวนี้ ร่างของท่านก็ยังอยู่สภาพสมบูรณ์เช่นเคย กระทั่งตกเป็นข่าวคราวในความสนใจของสาธารณชน

ส่งผลให้มีการนำร่างของลามะท่านนี้มายังวัดแห่งหนึ่งเพื่อเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าไปสักการบูชาความเป็นอมตะของท่าน

ต่อไป เรามาวิพากษ์วิจารณ์กัน ข้อความนี้

อย่างไรก็ตาม พระอาวุโสหลายรายต่างระบุว่า ภิกษุรูปนี้ยังไม่ได้มรณภาพ ทว่าท่านกำลังอยู่ในสภาวะของการทำสมาธิระดับลึก

เมื่อพิจารณาจากร่างกายแล้ว “มรณภาพ” ไปแล้วครับ

ถ้าถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่คนเราจะนั่งสมาธิอยู่แบบนี้ และมีอายุยืนยาวไปเป็นร้อยๆ ปี  คำตอบก็ได้ “เป็นไปได้

ในพระไตรปิฎกก็มีปรากฏไว้ คือ วิชาอิทธิบาท 4  แต่เป็นวิชาอิทธิบาท 4 ขึ้นสูงนะครับ ไม่ใช่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ทั่วๆ ไป อย่างที่เรารู้จัก

ในเมื่อการที่ภิกษุสามารถมีชีวิตยืนยาวไปได้ ถ้าทำวิชาอิทธิบาท 4 แล้วทำไมผมถึงฟันธงไปว่า พระมองโกเลียรูปนั้น มรณภาพไปแล้ว

คำตอบที่ได้มาจากวิชาธรรมกาย  กายของคนเรานั้น มี 18 กายหลัก  กายที่สำคัญที่สุดก็คือ กายเนื้อหรือกายหยาบนี่แหละ

ที่เราเกิดมาก็เพื่อต้องการให้มีกายเนื้อหรือกายหยาบนี้ขึ้น เพราะ กายเนื้อนี้เท่านั้นที่สร้างบารมีได้  กายอื่นๆ ไม่สามารถสร้างบารมีได้

ถ้ากายเนื้อของพระมองโกเลียรูปนั้นยังคงสภาพสมบูรณ์แบบคนทั่วๆ ไป  แสดงว่า ท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่นี่กายเนื้อของท่าน คงสภาพสมบูรณ์ในรูปแบบของมัมมี่ 

แสดงว่า ท่านมรณภาพแล้ว กายละเอียดท่านออกจากกายเนื้อไปแล้ว

ข้อความต่อไป

"ถ้าผู้เข้าสมาธิสามารถเพ่งจิตอยู่ในการทำสมาธิขั้นนี้ได้ต่อไป เขาก็จะเข้าถึงสภาวะแห่งพุทธะ" ด็อกเตอร์เคอร์ซิน กล่าว

ถ้าข้อความว่า “เข้าถึงสภาวะแห่งพุทธะ” ของด็อกเตอร์เคอร์ซินหมายถึงการบรรลุพระอรหันต์ ผมคิดว่า “ไม่น่าจะใช่

การบรรลุพระอรหันต์นั้น ไปพิจารณาจาก “ท่านั่งของการตาย” และจากการที่ “กายไม่เน่าเปื่อย” ไม่ได้

ผู้ที่ปฏิบัติธรรมมานานๆ  สามารถทำฌานได้  ตายไปแล้วมีโอกาสที่กายจะไม่เน่าเปื่อยเหมือนคนทั่วไปได้  ตัวอย่างพระในเมืองไทยก็มีมากมาย

อย่างไรก็ดี ร่างกายนั้น เดี๋ยวก็ผุสลาย เสื่อมพังไปแน่ๆ  แต่กระบวนการมันเกิดช้ากว่าคนอื่นเท่านั้นแหละ

ไม่มีความเป็นอมตะในลักษณะนี้