บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

หมอยืนยันว่าตาย 2 ครั้ง แต่ก็ยังฟื้น



มีข่าวเรื่องตายแล้วฟื้น ซึ่งไม่มีใครหน้าไหนอธิบายได้เลยว่า ความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์นี้เป็นอย่างไร 

แต่ความรู้ที่หลวงพ่อวัดปากน้ำสอนไว้ สามารถอธิบายได้ อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง

ที่ต้องพูดว่า “อย่างน้อยในระดับหนึ่ง” เพราะ เราวิพากษ์วิจารณ์กันตามข่าว ไม่ได้ลงไปหาข่าวเจาะลึกแบบนักข่าวทั้งหลาย

ถ้าทำอย่างนั้น คือ ตามไปหายาย สัมภาษณ์ยาย แล้วก็เข้าวิชาธรรมกายไปถามกายละเอียดของยาย ก็สามารถรู้เรื่องโดยละเอียดได้

เนื้อหาข่าวด้านล่างนั้น นำมาจากเว็บ sanook.com หัวข้อข่าวก็คือ “สุดทึ่ง!! ฟังยายชาวสุรินทร์เล่าชีวิตตายแล้วฟื้น หมอให้ญาติห่อศพกลับ”  ข่าวนี้ มติชน TVhd ได้นำข่าวไปลง youtube ด้วย ดูวิดิโอด้านบน

เนื้อหาข่าวก็เป็น ดังนี้

ยายตายแล้วฟื้น

หลังมีการป่วยโรคหอบหืด หมดสติ แพทย์เร่งช่วยชีวิต ปั๊มหัวใจ จนซี่โครงหักสองซี่ แพทย์ลงความเห็นว่าไม่ฟื้น ก่อนนำผ้าขาวมาห่อศพให้ญาติมาเซ็นชื่อรับศพกลับบ้าน

เมื่อมาถึงบ้านญาติ จุดธูปเทียนบอกเจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือน แต่เจ้าตัวกลับมีลมหายใจขึ้นอีก

ญาติจึงนำตัวไปส่งโรงพยาบาลใกล้บ้านอีกครั้ง แต่แพทย์ไม่รับรักษา บอกให้นำร่างกลับบ้าน

สุดท้าย ยายลุกขึ้นฟื้นมาอย่างถาวร พักรักษาตัว จนหายแล้ว ออกกำลังกายด้วยการขุดดิน ปลูกผัก ริมหนองน้ำ ทำให้สุขภาพแข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บลดลง ใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติ

เมื่อวันที่ 24 มกราคม ผู้สื่อข่าวได้พบกับ คุณยายวัลภา จันทร์พิมาย อายุ 65 ปี บ้านหนองแต้ ต.เมืองแก อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์

ในช่วงที่คุณยายกำลังขุดดินทำแปลงผัก ริมหนองน้ำประจำหมู่บ้าน เพื่อปลูกผักกาดหอม กระเทียม ถั่วฟักยาว คะน้า แตงกวา พื้นผักหลายอย่าง ที่สามารถขายในท้องตลาด

เป็นการปลูกผักแบบพออยู่พอกิน พอขายในชุมชน มีรายได้พอเลี้ยงตนเอง แต่ไม่ถึงกับต้องรวย และที่สำคัญ เป็นการออกกำลังกายให้สุขภาพในยามวัยแก่เฒ่าแข็งแรงขึ้น

แม้ว่าจะผ่านช่วงวิกฤตของชีวิตมารอบหนึ่งแล้วก็ตาม

คุณยายวัลภา เล่าว่า เมื่อช่วงกลางปี 2557 ที่ผ่านมา ยายได้เดินทางไปเฝ้าไข้ของญาติที่โรงพยาบาลสุรินทร์

เพราะด้วยตัวเองมีโรคประจำตัว โรคหอบหืด กำเริบเป็นหนัก จนหมดสติไป

แพทย์โรงพยาบาลสุรินทร์ ได้ช่วยปั๊มหัวใจให้ ทำให้ซี่โครงหักไปสองซี่ ตนก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีก แพทย์จึงให้ญาติ มาเช็นต์ชื่อรับศพกลับบ้าน

เมื่อมาถึงบ้านญาติก็ได้จัดธูปเทียนบอกกล่าว อยู่ๆ ตนก็สามารถยกเข่าขึ้นมาได้ รู้สึกตัวขึ้น

ญาติที่กำลังเตรียมทำพิธีศพ ก็รีบนำตัวส่งมารักษาที่โรงพยาบาลท่าตูม แพทย์ก็บอกว่า ไม่น่าจะมีชีวิตได้ ก็ให้ญาตินำตนกลับมาบ้าน

เพราะแพทย์คงลงความเห็นว่า อาจเป็นการฟื้นขึ้นมาในระยะๆ สั้น แต่พอนำกลับมาถึงบ้านก็กลับฟื้นมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนกับคนป่วยทั่วไป

คุณยายเล่าถึงสุขภาพว่า ไม่แข็งแรง มือไม้สั่น อ่อนแรง ต่อมาก็ได้มาขุดดิน แบบประคองร่างกายเดินมาที่ริมคลองน้ำ มาขุดดิน ใช้ไม้หัดขุดเล็กๆ น้อยๆ จนร่างกายแข็งแรงขึ้น

ใช้จอบขุดดิน มารื้อพื้นดินเพาะปลูกผักได้และขยายพื้นที่ปลูก จากหนึ่งแปลง จนเป็นสิบแปลง ร่างกายก็แข็งแรงขึ้นตามลำดับ โรคหอบหืด โรคความดันก็หมดไป

แพทย์ไม่สั่งยาให้อีก แนะนำให้ออกกำลังกายอย่างนี้ต่อไป และไปตรวจสุขภาพเป็นปกติ

คุณยายวัลภา ยังบอกอีกว่า ช่วงที่หลับตายไปก็ไม่ได้ฝัน เห็นสวรรค์หรือนรกแต่อย่างใด แต่เป็นการนอนหลับไปตามปกติ

ฟื้นขึ้นมาก็ยังจำหน้าทุกคนได้ จำชื่อญาติพี่น้องได้ปกติ แต่สิ่งที่ได้จากการตายไปแล้วฟื้น คือ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ จนร่างกายก็จะแข็งแรงขึ้น

โดยสรุป  คุณยายวัลภา จันทร์พิมาย ท่านเป็นคนขี้โรคพอสมควร  เมื่อมีญาติป่วยจึงไปเฝ้าไข้ให้ญาติ  ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ 

งานนี้ปรากฏว่า คนเฝ้าไข้อาการหนักกว่า จนน็อกหมดสติไป

แพทย์ช่วยกันปั๊มหัวใจเต็มที่  ตามข่าวว่า ซี่โครงหักไปถึง 2 ซี่ ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา แพทย์ก็ลงความเห็นว่า ตายแล้ว

ญาติก็ต้องเอากลับบ้านอย่างคนตาย คือ ห่อเป็นศพกลับมา  มาถึงบ้านคุณยายวัลภากลับฟื้นขึ้นมา  คราวนี้ ญาติเอาไปที่โรงพยาบาลท่าตูม 

แพทย์ก็ลงความเห็นว่า “ฟื้นสั้นๆ” เท่านั้น  เดี๋ยวก็ตายอีก  ให้เอากลับมาบ้าน

แต่ในความเป็นจริง ปรากฏว่า คุณยายวัลภา จันทร์พิมายแกฟื้นขึ้นมาเต็มตัว ทำงานทำการได้อย่างดีอีกด้วย

ประการสำคัญก็คือ โรคภัยไข้เจ็บเดิมๆ หายไปหมดเสียด้วย

เรื่องนี้ คนห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ได้นำตั้งกระทู้ชื่อ “ตายแล้วฟื้น อีกแบบ” แต่ความคิดเห็นของคนในห้องนั้น ก็เดิมๆ ไม่ได้ให้ความรู้อะไร

หลายๆ คนมาทะเลาะกันเสียด้วย

จากข่าวดังกล่าว  ยืนยันได้ว่า

1- คุณยายวัลภา จันทร์พิมายตายจริงๆ  ถ้าแพทย์จากโรงพยาบาลลงความเห็นแบบนี้ ก็ต้องเข้าองค์ประกอบ 3 ประการนี้คือ

- คนคนนั้นต้องหยุดหายใจ
- หัวใจของคนคนนั้นต้องหยุดเต้น
- สมองของคนคนนั้นต้องหยุดทำงานโดยสิ้นเชิง

ที่มา: ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ พนัส เฉลิมแสนยากร http://haamor.com/th/%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2/

คุณยายวัลภา จันทร์พิมายนี่ แพทย์จาก 2 โรงพยาบาลเห็นว่าตายแน่ๆ นะครับ ตรงนี้ยืนยันว่า คุณยายวัลภา จันทร์พิมายต้องตายแน่ๆ

อย่างไรก็ดี  ตามข้อเท็จจริงนั้น คุณยายวัลภา จันทร์พิมายท่านฟื้นขึ้นมาได้  แสดงว่า องค์ประกอบการตายของแพทย์ปัจจุบัน “ไม่แน่จริง”   ยังมีข้อบกพร่องอยู่

ในทางวิชาธรรมกายนั้น  เรามีเกณฑ์ๆ เดียวเท่านั้น ที่จะดูว่าใครตายแล้วหรือไม่ คือ “หัวข้อต่อกาย” ระหว่างกายมนุษย์กับกายทิพย์

ถ้า “หัวข้อต่อกาย” ระหว่างกายมนุษย์กับกายทิพย์หลุดออกจากกัน รับรองตายแน่ๆ ไม่มีโอกาสฟื้น  แต่ถ้า “หัวข้อต่อกาย” ดังกล่าวไม่หลุดออกจากกัน มีโอกาสฟื้นได้

คุณยายวัลภา จันทร์พิมายนั้น ท่านตายจริง แต่ “หัวข้อต่อกาย” ระหว่างกายมนุษย์กับกายทิพย์ยังไม่หลุดออกจากกันจึงฟื้นขึ้นมาได้อีก

แล้วก็คงหมดเวร หมดกรรมไปด้วย เพราะ บรรดาโรคเก่าๆ มันหายไปหมดเลย 

เราสามารถพูดได้อีกอย่างหนึ่ง  ป่วยคราวนี้ โรคของคุณยายวัลภา จันทร์พิมายมันตายจริงๆ แต่คุณยายวัลภา จันทร์พิมาย ไม่ตาย






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น